วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2551



สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยมะขามป้อม
ชื่อ » มะขามป้อม

วิธีใช้ »
1. ใช้ผลมะขามป้อมที่แก่จัด 1 ผล เอาเฉพาะเนื้อตำให้ละเอียดใส่เกลือใส่น้ำผึ้งพอชุ่ม อม ไว้ แล้วค่อยๆกลืน

2. ผลมะขามป้อม 1 กำมือ ทุบให้แตกก่อนต้มกับน้ำ 3 แก้วต้มให้เหลือ 1 แก้ว แล้วจิบในขณะอุ่นๆ



สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยกล้วยว้า
ชื่อ » กล้วยน้ำว้า

วิธีใช้ »
ใช้กล้วยน้ำว้าสุกงอมปอกเปลือกแช่ในน้ำผึ้งอย่างน้อย 1 สัปดาห์กินวันละ 1-2 ผล ทุกวัน



สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยเหงือกบอระเพ็ด
ชื่อ » บอระเพ็ด

วิธีใช้ »
บอระเพ็ดใช้เถาบอระเพ็ดหั่นตากแล้วบดเป็นผงผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนกินก่อนนอน วันละ 2-4 เม็ด



สมุนไพรสูตรยาอายุวัฒนะด้วยเหงือกปลาหมอ
ชื่อ » เหงือกปลาหมอ

วิธีใช้ »
ใช้เหงือกปลาหมอล้างให้สะอาดตากให้แห้งบดเป็นผงผสมกับพริกไทยป่น 1 ส่วน และใส่น้ำผึ้งอีก 1 ส่วนคลุกให้เข้ากันปั้นเป็นลูกกลอนกินวันละ 2-4 เม็ด ก่อนนอน


วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สมุนไพรรักษาสิว



อย่างที่เรารู้ ๆ กันนะคะว่า กลไกของการเกิดสิวนั้นมีด้วยกันหลายอย่าง เช่น อารมณ์ก็ทำให้เกิดสิวได้ เครียดมากก็สิวเห่อ อาหารบางอย่างก็ทำให่มีสิวได้เหมือนกัน เครื่องสำอางค์ยิ่งหนักถ้าใช้แล้วแพ้ ล้างไม่สะอาด ไปอุดรูขุมขน


การดูแลใบหน้าให้สวยเปล่งปลั่งนั้น ทางทีดีเราควรจะเริ่มตั้งแต่การป้องกันค่ะ ไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วค่อยมารักษา ซึ่งปัจจุบันนิ้ทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ หันมามอบความไว้วางใจให้กับสมุนไพรกันมากขึ้น ด้วยหวังว่ามันจะไม่ทำให้เกิดผลกระทบหรือผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย


สมุนไพรอย่างหนึ่งที่พูดถึงกันมากในสรรพคุณของการรักษาสิวก็คือ ว่านหางจระเข้ค่ะ ซึ่งเป็นสมุนไพรจำพวกที่ใช้ใบ ภายในจะมีวุ้นใส ๆ และยางเหลือง ๆ ยางสีเหลืองตัวนี้ต้องระวังนะคะเพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ถ้าเผลอเอาไปทาจะแสบร้อน บางคนก็จะแพ้เป็นผิวผื่นคัน ซึ่งถ้าหากอยากทราบว่าเราจะแพ้หรือเปล่า ก็ให้นำว่านหางจระเข้ที่ตัดมาใหม่ ๆ ทางบริเวณท้องแขน ทิ้งไว้ประมาณ 3 นาที ถ้ามีอาการคัน แปลว่าผิวเราแพ้ค่ะ


ส่วนใหญ่เราจะเห็นเขานิยมนำว่านหางจระเข้มาทาหน้า แต่ว่านชนิดนี้จะไม่เหมาะกับคนผิวหน้าแห้งนะคะ ถ้านำมาใช้เดี่ยว ๆ จะทำให้ผิวหน้าแห้งลงไปอีก ถ้าจะนำมาใช้ให้ผสมกับน้ำมันมะกอกหรือไข่แดง คนแรง ๆ ให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวนำมาพอกหน้าทิ้งไว้สักพักแล้วล้างออกผิวหน้าจะใส ชุ่มชื่นค่ะ แต่สำหรับคนที่ผิวมันให้นำว่านที่ตัดใหม่ ๆ ไปแช่น้ำให้ยางสีเหลืองไหลออกหมดก่อนแล้วให้ลอกเอาเฉพาะวุ้นที่อยู่ข้างในมาทาหรือพอกหน้าไว้สักพัก หน้าจะตึง รูขุมขนจะถูกบีบให้เล็กลง ทำให้ความมันบนใบหน้าลดลงได้ค่ะ


ส่วนใครที่เป็นสิวอักเสบ ก็ไม่ควรใช้ว่านหางจระเข้เช่นกันนะคะ เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ใครที่มีความกังวลเรื่องฝ้า การใช้ว่านหางจระเข้แม้จะไม่ใช่การรักษา แต่เป็นการป้องกันที่ดีค่ะ เราสามารถนำมาทาเพื่อป้องกันรังสี UV ได้ ซึ่งเมื่อใช้เป็นประจำก็จะทำให้ปัญหาเรื่องฝ้าลดน้อยลง
นอกจากว่านหางจระเข้แล้ว ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ อีกที่เราสามารถนำมาใช้บำรุงผิวหน้าได้ อย่างเช่น หอมแดง เมื่อเรานำมาฝานเป็นแว่น ๆ บาง ๆ นำไปทาบริเวณที่เป็นสิว รอยด่างดำ ทาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก ใช้เป็นประจำรอยสิวจะหายไปค่ะ


กล้วยหอม ก็มีประโยชน์ต่อผิวพรรณเช่นกัน ถ้าเรานำกล้วยหอม 1 ผล ไปปั่นกันน้ำผึ้ง ? ถ้วย นำมาพอกหน้าไว้ 15-20 นาที แล้วล้างออกจำทำให้หน้าตาผิวพรรณสดใส ส่วนมะนาว นำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลใบหน้าได้มากทีเดียวค่ะ เราใช้มะนาวล้างหน้าแทนสบู่หรือโฟมได้ หรืออาจจะใช้ไข่ขาว 1 ช้อนชา ดินสอพอง 2 เม็ดใหญ่ มะนาว ? ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อน น้ำมันมะกอก ? ช้อนชา ผสมให้เข้ากันจะได้ครีมข้นนำมาพอกหน้า พอกตัวประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก ทำวันเว้นวัน ไม่นานค่ะ ผิวพรรณจะใสนุ่มเนียน
เห็นไม่ค่ะ สมุนไพร ผลไม้ที่มีไว้ประจำบ้านประจำครัว สามารถนำมาใช้บำรุงความงามของเราได้ตั้งหลายอย่างค่ะ

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

การแพทย์แผนไทย กับโรคมะเร็ง



การแพทย์แผนไทยเป็นทางเลือกหนึ่งที่ผู้ป่วยส่วนมากเลือกใช้ในการรักษาโรค สถาบันการแพทย์ แผนไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ศึกษาหาแนวทาง ในการดูแล รักษาโรค มีบทบาทในการส่งเสริม ให้มีการใช้ สมุนไพร เป็นทางเลือกหนึ่ง ของผู้ป่วยทั่ว ๆ ไป รวมทั้งโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่า การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง มีความสำคัญ มากกว่าการเน้นไปที่ การรักษา เพราะเชื่อว่า มะเร็งเป็นโรค ที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการมีพฤติกรรม ที่ถูกต้อง เหมาะสม ดังนั้น การแพทย์แผนไทย จึงได้พัฒนาองค์ความรู้ การศึกษาวิจัย การเผยแพร่ความรู้ ด้านการใช้สมุนไพร และการรักษ าด้วยแพทย์แผนไทย โดยการให้ความรู้ แก่ประชาชน ในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การบริโภค การปฏิบัติตัว เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โดยเฉพาะการมีพฤติกรรม การบริโภคที่ถูกต้อง เหมาะสม ทั้งนี้ เนื่องจาก สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ที่สำคัญ เกิดจากการมีโภชนาการ ที่ไม่ถูกต้อง เต็มไปด้วยสารพิษ ไม่ออกกำลังกาย อยู่ในสิ่งแวดล้อม ที่เป็นพิษ และอื่น ๆ เพราะฉะนั้น การมีพฤติกรรม ด้านสุขภาพ ที่ถูกต้อง เหมาะสม ในการบริโภคอาหาร จะช่วยให้สามารถ ป้องกันโรคนี้ได้ เช่น การรับประทานอาหาร ที่มีเส้นใย (Fiber) อาหารที่มีวิตามิน เอ ซี, อี, สูง ลด อาหารไขมันจากสัตว์ อาหารกระป๋อง อาหารที่มีสีสังเคราะห์ และสารเคมี เช่น สารกันบูด เจือปน เลี่ยง อาหารปิ้ง ย่าง อบ รมควัน เลือก รับประทานอาหารที่สด สะอาด รับประทานผัก ผลไม้ อาหารสมุนไพร ที่ปลอดสารพิษ
การรับประทานผัก ผลไม้ มีประโยชน์สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพราะผัก ผลไม้หลายชนิด จะมีคุณสมบัติ เป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ และสารที่ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ในวันหนึ่งควรได้ผัก 25- 30% ผลไม้ 10 % เนื้อปลา หรือถั่ว 10% อีก 50% ควรเป็นข้าวกล้อง หรือเผือก พืชผัก ผลไม้ โดยการปรุงด้วยวิธีธรรมดา เช่น ต้ม ลวก แกง หรือ รับประทานดิบ ไม่ควรเติมน้ำตาล น้ำผึ้ง เกินความจำเป็น เพราะจะทำให้ร่างกาย ได้รับน้ำตาล มากเกินไป ผักและผลไม้ ซึ่งเป็นพืช สมุนไพร ที่มีสารต้านเซลล์มะเร็ง ได้แก่ มะกรูด ผักแขยง คื่นฉ่าย บัวบก ผักชีฝรั่ง กระชาย ข่าใหญ่ มันเทศ ใบมะม่วง มะกอก เบญจมาศ แขนงกะหล่ำ แตงกวา พริกไทย ดีปลี โหระพา กระเพรา ใบตะไคร้ ถั่ว ผักแว่น ผักขวง เพกา ชะพูล ลูกผักชี เร่ว เหงือก ปลาหมอ ขมิ้นอ้อย หัวหอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกในการรักษาโรคมะเร็ง ควรใช้หลายวิธีรวมกัน ทั้งการรักษา โดยการแพทย์แผนปัจจุบัน และการแพทย์แผนไทย รวมทั้งคำนึงถึงสภาพจิตใจ ของผู้ป่วย และญาติด้วย เมื่อทราบแน่ชัด จากการตรวจของแพทย์แผนปัจจุบันว่า ผู้ป่วยเป็นมะเร็งแล้ว ไม่ควรปิดกั้น หนทางเลือกในการรักษา ของผู้ป่วย หากผู้ป่วยจะเลือก รักษาแผนปัจจุบัน ร่วมกับแผนไทย แต่วิธี ที่จะเป็นประโยชน์สูงสุด กับผู้ป่วยคือ การรักษากับแพทย์ แผนปัจจุบันก่อน เพราะมะเร็งระยะแรก ๆ สามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนการเลือกรักษา โดยแผนไทยนั้น ควรพิจารณาศึกษา หรือถามผู้ที่รู้จริง ให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ และควรรักษา ควบคู่กันกับ แผนปัจจุบัน ในขณะเดียวกัน ก็ให้แพทย์แผนปัจจุบัน ตรวจรักษา อย่างสม่ำเสมอ ส่วนการใช้สมุนไพร และการใช้ทางเลือกอื่นนั้น จะเป็นการประคับประคอง ดูแลด้านสุขภาพจิต ของผู้ป่วย และญาติ และเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน ทางด้านร่างกาย และด้านจิตใจ เช่น การใช้สมาธิ เป็นต้น นอกจากนี้ ควรต้องรักษาสุขภาพ ให้แข็งแรง โดการออกกำลังกาย สม่ำเสมอ การรับประทานอาหาร ที่มีประโยชน์ ได้สารอาหารครบถ้วน การพักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นการช่วยป้องกันโรคได้ทางหนึ่ง

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ประโยชน์ใกล้ตัว พืชผักสวนครัวใกล้บ้าน







ประโยชน์ใกล้ตัว พืชผักสวนครัวใกล้บ้าน
ที่จริงแล้วผักสวนครัวทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น โหระพา ขิง ข่า ตะไคร้ หรือใบสระแหน่ ก็ล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งนั้น โดยเฉพาะสรรพคุณทางยาของความเป็นสมุนไพรไทยที่ใครได้ยินแล้วจะต้องบอกว่า สุดยอด เสมอ ว่าแล้ววันนี้ก็เลยอยากให้คุณๆ ได้รู้จักกับประโยชน์ของพืชผักสวนครัวเหล่านี้กันสมัยเด็กมักจะโดนคุณแม่ใช้ให้ไปเก็บพืชผักสวนครัวหลังบ้านบ่อยๆ บ้านหลังเล็กๆ ของเรามีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับปลูกผักสวนครัวไว้ปรุงอาหารกินเอง แต่หลังจากย้ายตัวเองมาฝังตัวอยู่ที่เมืองหลวง ก็มได้มีพืชผักสวนครัวส่วนตัวไว้กินอีกเลย

• โหระพา โหระพาเป็นผักที่มีกลิ่นแรงบางคนบอกว่าหอม บางคนว่าฉุน แต่ไม่ว่าจะหอมหรือฉุน โหระพาก็เป็นส่วนประกอบในเมนูอาหารไทยมานานนม รวมทั้งมีสรรพคุณทางยามากกว่าที่เราเคยรู้จักเยอะเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจถ้าโหระพาจะเป็นผักชูรส และอยู่ในอาหารอย่างแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน เป็นต้นสารอาหารโหระพาที่ใครบางคนว่าฉุน ที่จริงแล้วเป็นผักที่มีสารอาหารด้วยนะ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันสรรพคุณทางยาคุณสมบัติทางยาของโหระพาท่ฃี่สุดยอดมากๆ ก็คือ ช่วยย่อยอาหารแก้การจุกเสียด แน่นท้อง เพราะสามารถช่วยขับลมในลำไส้ได้ แต่สำหรับคนที่เกลียดโหระพาเข้าไส้ คุณอาจจะแอบปลื้มที่ได้รู้ว่าผักสวนครัวอย่างโหระพาไม่ได้มีดีแค่ใบ แต่เมล็ดยังสามารถนำมาแช่น้ำให้พองรับประทานเป็นยาแก้บิดได้ด้วยทราบหรือไม่•โหระพารักษาโรคเข่าเสื่อมได้ ตำราแพทย์ระบุว่าให้นำต้น ใบและรากโหระพามาตำพอละเอียด ใส่เหล้าขาว 40 ดีกรีเล็กน้อย คนให้เข้ากันแล้วนำไปตั้งไปแค่พอร้อน ทิ้งไว้ให้อุ่น จากนั้ก็นำไปพอกเข่าประมาณ 10-15 นาที ทำวันละ 1-2 ครั้ง แล้วอาการจะค่อยทุเลาลง•โบราณว่าโหระพาเป็นยาบำรุงทางเพศด้วยนะ



•ขิง ขิงเป็นเครื่องเคียงอย่างหนึ่งในเมนูอาหารไทย แต่หลายคนส่ายหน้าเวลาเห็นขิง ส่วนหนึ่งก็เพราะกลิ่นแรงเหลือกำลัง ดังนั้นจึงเลี่ยงด้วยการเขี่ยขิงทิ้งไว้ข้างๆ จาน แต่ต่อไปนี้ถ้าอยากได้ประโยชน์มากมายจากอาหารการกิน ลองชิมขิงดูสักครั้งสารอาหารขิงประกอบไปด้วยสารอาหารสำคัญคือ โปรตีน คาร์ดบไฮเดรต ไขมัน แคลเซียม วิตามินเอสรรพคุณทางยาประโยชน์อย่างหนึ่งที่เราจะได้จากการใช้เหง้าขิงแก่ทุบหรือบดเป็นผง แล้วชงน้ำดื่มก็คือ แก้อาหารคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด และแน่นเฟ้อนอกจากนี้ขิงยังมีประโยชน์ทุกส่วน ตั้งแต่
ราก – ช่วยให้เจริญอาหาร แก้ลม แก้เสมหะ และแก้บิดต้น – ช่วยขับให้ผายลม แก้จุกเสียด แก้ท้องร่วง ผล – แก้คอแห้ง เจ็บคอ แก้ตาฟาง เป็นยาอายุวัฒนะใบ – แก้ฟกช้ำ แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะขัด แก้โรคตา ฆ่าพยาธิ
ดอก – ช่วยย่อยอาหาร แก้ปัสสาวะขัด แก้โรคประสาทที่ทำให้ใจขุ่นมั่วทราบหรือไม่•ขิงแก้ผมร่วง ตำราระบุว่า ให้ใช้เหง้าขิงสดมาผิงไฟพออุ่น จากนั้นให้ตำแล้วนำมาพอกบริเวณที่มีผมร่วง ทำแบบนี้ประมาณ 3 วัน วันละ 2 ครั้ง ถ้ายังไม่ได้ผลให้ทำต่อไป•ขิงกำจัดกลิ่นกาย ถ้ารักษากลิ่นเหงื่อใต้วงแขนมาหลากหลายวิธีแล้วแต่ยังช่วยไม่ได้ ลองใช้เหง้าขิงแก่ โดยทุบแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาทาใต้วงแขนทุกวัน จะช่วยกำจัดกลิ่นกายได้ชะงัด•ขิงแก้ปากเหม็น โดยให้คั้นน้ำขิงผสมน้ำอุ่น เติมเกลือเล็กน้อย แล้วกลั้วปาก ฆ่าเชื่อโรค



•ข่า ถ้าหยิบขึ้นมาเคี้ยวกันสดๆ ก็คงจะไม่ปลื้มนัก ข่าเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งในเครื่องเทศที่ใช้ปรุงอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวจากเนื้อสัตว์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเอร็ดอร่อยกับเมนูโปรดอย่างต้มข่าไก่กันนัก แต่หน่อข่าอ่อนสามารถเป็นเครื่องเคียงแสนอร่อยในเมนูน้ำพริกแบบไทยๆ ได้ด้วยนะสารอาหารสารอาหารที่จะได้จากข่าคือ คาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอรัส แคลเซียม สฃวิตามินซีสรรพคุณทางยาประโยชน์จากคุณสมบัติทางยาของข่า ให้ใช้เหง้าสดดำดให้ละเอียดผสมกับน้ำปูนใส แล้วรับประทานครั้งละครึ่งแก้ว จะช่วยขับลมแก้มฃท้องอืด ท้องเฟ้อท้องเดิน และบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ทราบหรือไม่ว่า
•ประโยชน์อื่นๆ ที่ได้จากข่านอกเหนือจากการรับประทานอาหาร ได้แก่ ใช้รักษาโรคผิวหนัง กลาก เกลื้อนและแก้ลมพิษ โดยใช้เหง้าสดตำให้ละเอียดผสมกับเหล้าขาวทาบริเวณที่เป็นจนกว่าจะดีขึ้น•ใช้ข่าไล่แมลงได้ด้วย โดยนำเหง้ามาทุบหรือตำให้ละเอียด เพื่อให้น้ำมันหอมระเหยออกมา แมลงก็จะไม่กล้ามาแหยมอีกแล้ว

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สมุนไพร...ความงาม

ใบหน้า คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ

1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle) คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้

2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L) เป็นพืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน

3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.) จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล

4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.) ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้

5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย

6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata) ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม

7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn) มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้